งาดำ กับ งาขาว ต่างกันอย่างไร

งา เป็นพืชตระกูลล้มลุกเหมือนกัน แต่ งาดำ กับ งาขาว ไม่เหมือนกันนะ หลายคนอาจจะยังไม่รู้

       เราสามารถแยกชนิดของ งา แบบสดได้ง่ายๆ เพราะ งาดำ จะมีเปลือกบางๆที่ห่อหุ้มเมล็ด ไม่จำเป็นต้องกะเทาะเปลือกก่อนรับประทาน มีกลิ่นสัมผัสที่หอม เข้ม หนักไปทางขม และมีความกรอบในตัว ส่วน งาขาว มีเปลือกแข็งห่อหุ้มเมล็ด จึงต้องกะเทาะเปลือกออกก่อน เพื่อรับประทานเฉพาะเมล็ดสีขาวข้างใน กลิ่นสัมผัสหอม ละมุน และเมล็ดมีความนุ่มนวล

สารอาหารจาก งา

               จากข้อมูลทางการแพทย์ พบว่ามีสารอาหารที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็อาจมีสารอาหารบางชนิดที่พบใน งาดำ ได้มากกว่าใน งาขาว อย่างเช่น แคลเซียม ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟัน เพราะแคลเซียมนั้นจะอยู่ที่เปลือกของงาดำ ซึ่งเราไม่ต้องกะเทาะเปลือกออกก่อนรับประทานนั่นเอง จึงได้แคลเซียมไปมากกว่าการทาน งาขาว

ประโยชน์ของ งา

               งาดำ งาขาว และงาทุกชนิด มีสารอาหารหลักใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะ เซซามิน (sesamin) เซซาโมลิน (sesamolin) และเซซามอล (sesamol) ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลัง ที่มีบทบาทในการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ เสริมภูมิคุ้มต้านทานอวัยวะภายใน เช่น หัวใจ ตับ และสมอง รวมถึงการชะลอวัยอีกด้วย นอกจากนั้น งา ยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงถึง 80% เราจึงเห็นผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากงามากมาย เช่นน้ำมันงา งาดำอบบด งาขาวอบบด งาดำคั่วบดละเอียด งาขาวคั่วบด และแน่นอนว่าการทำอาหารจากงา จะได้ทั้งโอเมก้า 3 6 และ กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน

รับประทานงาในปริมาณที่พอเหมาะ

               เพราะสารอาหารใน งา นั้นมีมากมาย รวมถึงแคลลอรี่ที่สูงเช่นกัน ดังนั้นการควบคุมปริมาณการทานให้เหมาะสมในแต่ละมื้ออาหารจึงสำคัญ หากจะทานให้ได้ประโยชน์สูงสุดและดีต่อสุขภาพ เราแนะนำให้ทาน งาคั่วบด หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆจากงา ไม่เกินวันละ 1ช้อนโต๊ะ หรือคิดเป็น น้ำหนัก 10-15 กรัม ก็เพียงพอแล้ว

               ในยุคเร่งรีบในปัจจุบันแบบนี้ เราจึงมี เซซาแบค ผลิตภัณฑ์จากงา ให้คุณได้เลือกรับประทานมากมาย เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และยังมีแบบเป็นวัตถุดิบสำหรับทำขนม ทำอาหารอีกด้วย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่